5 เหตุผลที่ งานออกแบบตกแต่งภายใน ขาดมัณฑนากรไม่ได้!

decorator-design-blog-cover-article13
งานออกแบบตกแต่งภายใน

5 เหตุผลที่ งานออกแบบตกแต่งภายใน ขาดมัณฑนากรไม่ได้!

งานออกแบบตกแต่งภายใน ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน งานออกแบบตกแต่งภายในเป็นสิ่งที่ตอบสนอง การใช้งานพื้นที่ และเปรียบเสมือนการแสดงออก ถึง อัตลักษณ์ รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กรที่สะท้อนผ่านงานตกแต่งภายใน อสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้งานดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์ได้ ขึ้นอยู่กับมัณฑนากร หรือ นักออกแบบตกแต่งภายใน

มัณฑนากรคืออะไร สำคัญอย่างไรต่องานออกแบบตกแต่งภายใน

มัณฑนากร (Interior designer) คือ นักออกแบบตกแต่งภายใน มีหน้าที่ออกแบบ วางแผนและควบคุมงานสถาปัตยกรรมภายในอาคาร ซึ่งมัณฑนากรเป็นอาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านงานตกแต่งภายในโดยเฉพาะ ทั้งในด้านศิลปะ รายละเอียดความสวยงามและด้านมาตรฐานการออกแบบในเชิงโครงสร้าง

ความสำคัญของมัณฑนากรต่องานออกแบบตกแต่งภายใน

ดังที่กล่าวไปข้างต้น งานออกแบบตกแต่งภายใน เป็นงานที่ต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์ในการรังสรรค์พื้นที่ หากขาดผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินงาน พื้นที่ดังกล่าวอาจไม่สมบูรณ์แบบตามที่ผู้ว่าจ้างคาดหวังไว้ ดังนั้นมัฑนากรจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสานต่อจุดประสงค์ของผู้ว่าจ้างให้เป็นไปตามความต้องการ โดยสิ่งที่มัณฑนากรจะเข้ามีบทบาทในงานออกแบบตกแต่งภายใน มีดังนี้

  • ออกแบบตกแต่งภายในตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง
  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่งภายใน
  • ควบคุมงานออกแบบตกแต่งภายใน
  • ออกแบบตกแต่งภายให้เกิดความสวยงามและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ตัวอย่างงานออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุมเอนกประสงค์

ภาพ: ตัวอย่างงานออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุมเอนกประสงค์

5 เหตุผลที่งานออกแบบตกแต่งภายในต้องมี “มัณฑนากร”

1. ความสวยงามและการใช้งาน

หัวใจสำคัญของงานออกแบบตกแต่งภายในคือ ความสวยงามและประโยชน์การใช้งาน ซื้อที่ดิน เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของมัณฑนากรในการสร้างสรรค์ขึ้น ผ่านความรู้ ความเข้าใจในงานศิลปะ การจัดวางพื้นที่จนไปถึงหลักการออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสัดส่วนของมนุษย์ (หลัก Human Scale) ส่งผลให้งานออกแบบตกแต่งภายในจำเป็นต้องมีมัณฑนากรเพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ให้สวยงามและตอบโจทย์ลักษณะการทำงาน

2. ออกแบบพื้นที่ได้ตรงตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง

มัณฑนากรมีหน้าที่สานต่อความต้องการของผู้ว่าจ้างสู่งานออกแบบตกแต่งภายใน ด้วยการเริ่มต้นรับรายละเอียดความต้องการของผู้ว่าจ้าง  จากนั้นจึงนำข้อมูลมาวิเคราะห์และนำเสนอแบบแผน ซึ่งลักษณะงานดังกล่าวที่ผ่านกระบวนการพูดคุย กลั่นกรองแนวคิด และทบทวนความต้องการของผู้ว่าจ้าง ทำให้งานออกแบบของมัณฑนากรตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง

3. มัณฑนากรมีความเข้าใจพื้นที่

ความเข้าใจของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญของการออกแบบภายใน หากเข้าใจพื้นที่จะสามารถผลักดันศักยภาพในการใช้งานพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเหมาะสมกับผู้ใช้พื้นที่ โดยมัณฑนากรจะวิเคราะห์ข้อมูล และออกแบบตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ ผู้ใช้งานห้องประชุม Board room ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหาร ดังนั้นงานตกแต่งภายในนอกจากการใช้งานแล้ว ต้องสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยของระดับผู้บริหาร เพราะถือเป็นหน้าตาขององค์กร เป็นต้น

ตัวอย่างงานออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุมแบบ Board room

ภาพ: ตัวอย่างงานออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุมแบบ Board room

4. ความเชี่ยวชาญในการออกแบบตกแต่งภายใน

การออกแบบตกแต่งภายในถือเป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เนื่องจากมีรายละเอียดและองค์ประกอบจำนวนมาก ทั้งโครงสร้าง การเลือกใช้วัสดุและสีสันให้เหมาะกับพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างห้องประชุม ซึ่งทุกวัสดุที่เลือกใช้เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของห้องทั้งสิ้น โดยผู้ออกแบบต้องคำนึงถึงค่าอะคูสติก การทำงานร่วมกับระบบโสตทัศนูปกรณ์จนถึงการแสดงอัตลักษณ์ขององค์กร ดังนั้นความเชี่ยวชาญจากมัณฑนากร จึงมีส่วนสำคัญในการออกแบบตกแต่งภายในห้องประชุม

5. มาตรฐานของงานออกแบบภายใน

มัณฑนากรมีหน้าที่ในการควบคุมการออกแบบบ้านภายในให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยมีสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย TIDA  ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างมาตรฐานการปฏิบัติอย่างมืออาชีพ สำหรับสมาชิกทุกคนรวมถึงนักออกแบบตกแต่งภายใน สถาปนิกภายใน นักวิชาการ และบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน / สถาปัตยกรรม ดังนั้นการมีมัณฑนากรในงานออกแบบภายใน จึงจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างมาตรฐานและความมั่นใจให้กับโครงการ

รีวิวการออกแบบหอพัก

วิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาว่าหอพักเป็นอย่างไรจริง ๆ โดยการถามนักเรียนที่เคยอาศัยอยู่ หรือ โดยการค้นหาคำวิจารณ์ออนไลน์ นักเรียนที่อาศัยอยู่ในอาคารสามารถให้ข้อมูลเชิงลึก ที่ดีที่สุดแก่คุณเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่นั่น เนื่องจากรูปภาพและแผนผังชั้นที่โพสต์ออนไลน์ โดยวิทยาลัยอาจล้าสมัย หรือ ซ่อนปัญหาในอาคาร

แม้ว่าการหาความคิดเห็นเกี่ยวกับหอพัก อาจจะยากขึ้นเล็กน้อยสำหรับน้องใหม่ที่เข้ามาทำ House of thai แต่คนที่ดีบางคนที่ถามคือมัคคุเทศก์ในวิทยาเขตของคุณ หรือ รุ่นพี่ที่ช่วยในการลงทะเบียนเรียน

หากคุณกำลังดูหอพักในทัวร์วิทยาลัย พยายามดูทั้งห้องหอพักที่แสดง (ซึ่งเป็นสิ่งที่ทัวร์ในวิทยาเขตส่วนใหญ่จะแสดง) และห้องพักในหอพักจริง อาจมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละรายการ คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับประสบการณ์ของฉันเองเกี่ยวกับห้องพักในหอพักแบบแสดงผล กับ ห้องพักในหอพักจริง และความแตกต่างของห้องพักทั้งสองห้อง

ปัญหาการสร้างก่อนหน้า

นี่เป็นปัจจัยที่คุณจะต้องค้นหา จากนักเรียนคนอื่น ๆ สำหรับ (หรือจากบทความข่าว) เนื่องจากสำนักงานการเคหะของวิทยาลัยอาจจะไม่โฆษณาปัญหาใด ๆ กับอาคารของพวกเขา อย่างไรก็ตาม การทำวิจัยของคุณสามารถคุ้มค่าในที่สุด

คำถามบางข้อที่ต้องพิจารณา:

  • ลิฟต์พังอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ?
  • มีปัญหาเชื้อราหรือไม่ ?
  • อาคารเคยประสบไฟไหม้หรือน้ำท่วมที่อาจทำให้ห้องเสียหายหรือไม่ ?
  • นี่เป็นเพียงตัวอย่างคำถามบางส่วนที่คุณอาจต้องการถาม เนื่องจากปัญหาก่อนหน้านี้อาจส่งผลต่อคุณได้หากคุณเลือกที่จะอยู่ที่นั่น

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าถึงแม้จะมีปัญหาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไข คุณจะต้องดูว่าเป็นปัญหาที่เกิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าอาจเกิดขึ้นอีก ในอนาคต คุณจะต้องหลีกเลี่ยงปัญหาที่คาดเดาได้ เช่นนี้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ จะทำให้คุณมีความเครียด โดยไม่จำเป็นตลอดทั้งปีการศึกษา

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องพบกับมัณฑนากร

หลังจากทราบความสำคัญของมัณฑนากรต่องานออกแบบตกแต่งภายในแล้ว อีกหนึ่งประการที่ช่วยให้มัณฑนากรตอบสนองความต้องการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ การสื่อสาร เพราะหากสื่อสารความต้องการไม่ชัดเจน อาจทำให้การทำงานล่าช้าหรือผลลัพธ์ของงานอาจไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ดังนั้นผู้ว่าจ้างควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนพบมัณฑนาการ โดยข้อมูลที่ควรเตรียมมีดังนี้

1. ทำความเข้าใจจุดประสงค์ของพื้นที่

ความต้องการขั้นพื้นฐานเริ่มต้นจาก ความเข้าใจจุดประสงค์ของการใช้งานพื้นที่ และรูปแบบการใช้งาน อาทิ พื้นที่ห้องประชุม ถึงแม้ว่าเป็นห้องประชุมแต่วัตถุประสงค์การใช้งานก็แตกต่างกันตามแต่ละประเภท เช่น ห้องประชุมแบบ Board room มีจุดประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตัดสินใจ ส่วนห้องประชุมแบบ Conference room มีจุดประสงค์เพื่อสื่อสารให้พนักงานหรือผู้เข้าร่วมประชุมเข้าใจ ดังนั้นงานออกแบบตกแต่งภายในของทั้งสองห้องจึงแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์

ตัวอย่างการตกแต่งภายในห้องประชุมแบบ Conference room

ภาพ: ตัวอย่างการตกแต่งภายในห้องประชุมแบบ Conference room

2. ศึกษาลักษณะการใช้งานของพื้นที่

หลังจากเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของพื้นที่แล้ว ลำดับต่อมาคือทำความเข้าใจถึงลักษณะการใช้งาน เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความต้องการลักษณะการใช้งาน ให้มัณฑนากรเข้าใจและออกแบบภายในได้ตามความต้องการ อาทิ พื้นที่ห้องประชุมแบบเอนกประสงค์ มีลักษณะการใช้งานที่ยืดหยุ่นตามกิจกรรมที่จัดภายในห้อง ดังนั้นงานออกแบบภายในจึงมุ่งเน้นให้พื้นที่โปร่งโล่งสบาย แต่ทั้งนี้ห้องประชุมแบบดังกล่าว อาจต้องรองรับแขกจากภายนอกด้วย การใช้งานห้องประชุมจึงไม่ใช้แค่เพียงการจัดกิจกรรม แต่เป็นการนำเสนออัตลักษณ์ขององค์กรผ่านสถาปัตยกรรม งานออกแบบตกแต่งภายในจึงต้องสะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ด้วยเช่นเดียวกัน

3. วิเคราะห์ผู้ใช้งาน

ไม่เพียงแต่วัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานเท่านั้น งานออกแบบตกแต่งภายในควรคำนึงถึงผู้ใช้งานในพื้นที่ โดยผู้ว่าจ้างควรเริ่มต้นจากวิเคราะห์ถึงกลุ่มผู้ใช้งานพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้งานออกแบบตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ อาทิ ห้องประชุมแบบ War room ที่ต้องผู้ใช้งานเป็นผู้บริหารเป็นหลัก ดังนั้นการออกแบบตกแต่งภายในจึงต้องเอื้อต่อการทำงาน การตัดสินใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายให้กับผู้บริหาร

สรุป

ออกแบบตกแต่งภายใน ถือเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นมัณฑนกรจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และควบคุมให้งานตกแต่งภายในตอบสนองความต้องการของผู้ว่าจ้าง ทั้งนี้ความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ว่าจ้างกับมัณฑนากรเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้งานตกแต่งภายในออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น